:::: MENU ::::

MYM

เรารักการแบ่งปัน

  • OfRKTf.md.png

    Sharing content

  • OfRwyb.md.png

    Sharing content

  • OfRZja.md.png

    Sharing content

15 ธันวาคม 2552

  • 22:54
เรื่องนี้น่าคิดดีนะครับ ผมนำมาเรียบเรียงใหม่ 
ใครเป็นต้นฉบับไม่รู้ ขอคารวะไว้ณ.ที่นี้


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  เศรษฐี ท่านหนึ่งรวยมาก และก็คิดว่าตนเองฉลาดมาก
วันหนึ่งขณะกำลังสั่งงานนั้น  ลูกน้องก็นำเสนอไอเดียบางอย่างขึ้นมา ด้วยความซื่อๆ
เจ้านายเศรษฐี ก็จี๊ดขึ้นมา เศรษฐีจึงด่าลูกน้อง ว่า...

“คิดโง่ๆแบบนี้ได้ไงเนี่ย เรื่องแค่นี้ เอาส้นเท้า  คิดก็คิดได้แล้ว” 

ลูกน้อง เมื่อได้ยิน งงๆ แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร และด้วยความซื่อ เขาก็เลยออกไป
แล้วคิดว่า

"จะทำไงหนอ ถึงจะเอาส้นเท้าคิดได้"
 
ในที่สุด เมื่อคิดไม่ออกเราควรปรึกษากัลยณมิตร ปรึกษาบัณฑิต ดังนั้น จึงไปกราบพระเถระที่วัด   
เมื่อเล่าเรื่องที่เศรษฐีให้ใช้ “ส้นเท้าคิด” ให้พระเถระฟัง ท่านก็อมยิ้ม และ สอนเรื่องปัญญาสามฐาน

ท่านสอนว่าปัญญาที่เกิดได้ที่ฐานกาย ฐานใจ และ ฐานคิด
เจ้าลองเดินแบบหยุดคิด(เลิกใช้สมองคิด)แต่ให้ เอาความรู้สึก ไปจับที่ความรู้สึกที่ส้นเท้า กระแทกพื้นแรงเบาหนัก ก็ตามรู้ ตามดู ที่ ส้นเท้า เดินไปกลับไปมา เดินจงกรม ฝึกหยุดคิด (ด้วยสมอง) ก็จะรู้เอง

ถ้ายังคิดด้วยสมองอยู่ก็จะไม่รู้ ด้วยความซื่อและศรัทธา
ลูกน้องคนนั้นก็เริ่มหัดเดินจงกรมแบบสิ้นคิด (ฐานสมอง)
   
วันหนึ่งเจ้านายเดินผ่านมาเห็นลูกน้องกำลังเดินกลับไปกลับมา ไม่รู้ว่านี่คือ จงกรม
ท่านก็ถามว่า “ของหายหรือไง เดินไปมาอยู่ได้ เจ้าคิดบ้าๆอะไรอยู่หรือ” 
ลูกน้องก็ตอบว่า  “กำลังใช้ส้นเท้าคิดครับนาย” 
เจ้านายพอได้ยิน รีบใช้ปัญญาฐานคิดเฉโกทันที จึงโกรธจัด นึกว่า ลูกน้องลองดี
ทะลึ่งมาใช้คำด่าว่า “ส้นเท้า” ก็เลยสั่งขับไล่ออกจากบ้านไป

ลูกน้อง ก็เลย ไปทำงานอยู่ที่วัดของท่านพระเถระ และ ก็ฝึกๆๆ   ใช้ปัญญาฐานกาย
ด้วยการทำซ้ำๆๆๆๆ โดยไม่คิดมาก จนในที่สุดเกิดความรู้ (สติ) ที่ส้นเท้า จากส้นเท้าก็ ขยายไปรู้ (มีสติ)ไปยังอวัยวะอื่นๆของร่างกาย จนทั่วทั้งกาย รู้ที่ลมหายใจ รู้ทุกๆอิริยาบท นั่ง เดิน ยืน นอน เดินจงกรมหรือไม่เดินจงกรมก็ได้ทั้งนั้น
  • เขาฝึกๆๆๆ ซ้ำๆๆๆ ไม่ใช้สมองคิดมาก  ตัดความคิดบ้าๆออกไปมุ่งเน้นอารมณ์เดียว อยู่ที่ตัวรู้ ที่ฐานกาย จากฐานกายเขาก็พัฒนาขึ้นไปค้นพบ ตัวรู้ที่ฐานใจได้ไม่ยากรู้ว่ากายเป็นตัวฟ้องให้เรารู้ว่าจิตเป็นอย่างไร  เมื่อฝึกๆ จนรู้เท่าทัน ฐานใจ ฐานกาย รู้ว่าหากกายใจไม่ปกติ ความคิดต่างๆเป็นเฉโก ดังนั้น  ไม่ต้องคิดด้วยฐานสมอง ย้อนลงมาสร้างตัวรู้ ที่ฐานกาย ฐานใจ
ในที่สุดก็ปิ๊ง  ได้ปัญญาฐานคิดที่แท้จริง คือ คิดเมื่อจิตว่างซึ่งการที่เราจะรู้ว่าจิตว่างหรือไม่ ก็ให้ดู (มีสติ)ที่ร่างกาย ฝึกจนตัวรู้(สติ) จากน้อยๆในที่สุด เป็นสติมากๆ  เป็นมหาสติ   สติติดเนื้อติดตัวอย่าง เป็นอัตโนมัติ  ในที่สุด หลายปีผ่านไป  ท่านได้เป็นพระเถระ ที่มีชื่อเสียง  และยังนึกขอบคุณเสมอว่า  คิดด้วยส้นเท้านี่ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจังหนอ

วันหนึ่ง เศรษฐีทำธุรกิจผิดพลาด เครียดจัด จึงมาที่วัดแห่งนี้ มาเจอพระเถระ แต่ เศรษฐีก็จำไม่ได้ว่าเคยทำงานที่บ้านท่านมาก่อน   
ท่านก็ถามว่า จะแก้ปัญหา อย่างไรดีพระเถระ  ก็ตอบว่า
“เรื่องง่ายๆแค่นี้  ลองเอาส้นเท้าคิดดูสิ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้อะไรบ้าง  รู้สึกอย่างไรบ้าง  และ สติอยู่ที่ไหน
เราโดนฝึกมาให้ คิดก่อนพูด   แต่จริงๆแล้วควรจะเป็น  มีสติ ดูกาย ดูใจ ว่าปกติไหม แล้วค่อยคิด ค่อยพูด   พวกเราโดนสั่งสอน ให้เริ่ม จาก เฉโก ก่อนเสมอ  จึงได้ทะเลาะกันเรื่อยๆ  เรื่องน่ารัก เล็กๆน้อยๆ  ก็งอนกันได้ ลองดูนะ

ใช้ “ส้นเท้า” คิดดูบ้าง
A call-to-action text Contact us