การสัประยุทธ์
ซุนวูกล่าวว่า ทุกคนล้วนต้องใช้ยุทธศาสตร์ หลังแม่ทัพรับโองการจากประมุข จักระดมไพร่พล จัดหน่าย สร้างค่าย แต่ยังต้องหลีกภัยจากการสัประยุทธ์ให้จงดี การเผชิญหน้าอาจเป็นภัย ดังนี้ ทางอ้อมจึงอาจเป็นทางสั้นที่สุด เพราะเหตุนี้ ปัญหาจึงอาจถือเป็นโอกาส พึงใช้ทางอ้อมเป็นทางสัญจร พึงล่อด้วยประโยชน์ เมื่อล้าหลังพึงเร่งฝีเท้า เมื่อล้ำหน้าพึงชะลอ พึงรู้ทางอ้อมที่สามารถช่วยให้บรรลุแผนได้ตรงที่สุด “จงเข้าสัประยุทธ์เมื่อได้เปรียบ การแสวงหาการสัประยุทธ์เพียงเพื่อได้สัประยุทธ์จักเป็นภัย” หากกองทัพสู้เพื่อผลประโยชน์ ย่อมไม่สามารถจับศรัตรูได้
กองทัพที่สู้เพื่อผลประโยชน์ จักสูญเสียซึ่งสัมภาระ แม้ว่ารักษาอาวุธไว้แล้ว ไล่ตามข้าศึกไม่มีหยุดพักทั้งกลางวันกลางคืน แยกย้ายกันไปตามถนนหลายสายในเวลาเดียวกัน เดินทางหลายร้อยลี้เพื่อตามล่าผลประโยชน์ แล้วข้าศึกกลับจับแม่ทัพและไพร่พลของเราได้ ทหารที่แข็งแกร่งไปถึงก่อน ทหารที่อ่อนด้อยไปถึงทีหลัง หากใช้วิธีนี้จะมีผู้ไปถึงเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น อาจเดินไกลห้าสิบลี้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ แต่แม่ทัพและกองทัพย่อมซวนเซ หากใช้วิธีนี้จะมีคนเดินทางไปถึงเพียงครึ่งเดียว อาจเดินไกลสามสิบลี้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ เพียงสองในสามเท่านั้นที่จะไปถึง หากปล่อยให้กองทัพเดินทางโดยปราศจากขบวนสัมภาระที่ดี กองทัพก็จะสลาย ปราศจากเสบียงอาหารกองทัพย่อมมลาย หากไม่ประหยัดธัญญาหารกองทัพย่อมมลาย อย่าปล่อยให้ข้าศึกล่วงรู้แผนการของฝ่ายเรา ทั้งต้องไม่ลังเลที่จะเสริมสร้างพันธมิตร ต้องรู้ภูเขารู้ป่า รู้อุปสรรคที่ขัดขวาง รู้ว่ามีหนองบึงอยู่หนใด หากไม่รู้จะเคลื่อนทัพหาได้ไม่ หากไม่รู้จะต้องใช้คนท้องถิ่นนำทาง หากไม่รู้จะไม่สามารถใช้ภูมิประเทศสร้างความได้เปรียบ
ทำสงครามพึงมิเปิดเผยตำแหน่งที่แท้จริง ตำแหน่งลวงช่วยให้เคลื่อนที่สะดวก การแยกและการรวมช่วยให้เราปรับตัวเอง และเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เราจักเคลื่อนที่ได้รวดเร็วประดุจลมพัด สามารถเพิ่มจำนวนได้ดั่งต้นไม้ในป่า สามารถบุกสามารถปล้นสะดมได้ดุจอัคคีภัยบรรลัยกัลป์ ตั้งมั่นได้ดังหนึ่งภูผา สามารถคงความลึกลับได้ดั่งเมฆหมอก สามาถรฟาดผ่าได้ประดุจอสนีบาต แบ่งกำลังเพื่อปล้นสะดมหมู่บ้าน “ในพื้นที่โล่ง การแยกกำลังช่วยให้ได้เปรียบ” ไม่ต้องห่วงการจัดทัพ ขอเพียงให้เคลื่อนที่ได้เท่านั้น รู้ว่าทางเส้นใดอ้อมเส้นใดตรง เยี่ยงนี้จึงจะประสบความสำเร็จในการสัประยุทธ ในสมรภูมิ “ส่งเสียง จักไม่ได้ยิน ต้องใช้ฆ้องใช้กลอง มองก็มิสามารถแลเห็น ต้องใช้ธงทิวส่งสัญญาณ” ต้องใช้ฆ้อง กลองและธงทิวให้เชี่ยวชาญ ให้สั่งการไพร่พล ให้ได้ยินเหมือนเป็นหนึ่งเดียว ต้องรวมคนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ผู้กล้าจะต้องไม่บุกออกไปเพียงลำพัง ผู้หวาดจะต้องไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พึงบัญชาให้พวกเขาทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว รบกลางคืน ต้องใช้คบไฟและกลองให้มากๆ กลางวันใช้ธงทิวให้มาก ดูแลไพร่พลให้สามารถเห็นสัญญาณได้ชัดเจนและทั่วถึง
กองทัพควบคุมได้ด้วยขวัญ แม่ทัพต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ ในตอนเช้าพลังงานของผู้คนย่อมเต็มเปี่ยม เมื่อเวลาผ่านไปอาจโรยรา ตกเย็นต่างก็สิ้นแรง เราควรใช้กำลังอย่างชาญฉลาด หลีกเลี่ยงข้าศึกที่ฮึกเหิม จู่โจมเมื่อไพร่พลข้าศึกเกียจคร้านอิดโรย เหล่านี้คือ หนทางการคุมพลัง พึงใช้วินัยรับมือความอลหม่านของสงคราม ใช้สบายรอเหนื่อย เหล่านี้คือ หนทางการคุมอารมณ์ความรู้สึก พึงรออยู่ใกล้บ้านเพื่อเตรียมรับมือข้าศึกที่ต้องเดินทางไกล พักอย่างสบายเพื่อรอข้าศึกที่เหนื่อยล้า อิ่มเพื่อรอข้าศึกที่อดอยากปากแห้ง เหล่านี้ คือ หนทางการคุมกำลัง อย่าได้ลวงข้าศึกที่มีระบบระเบียบในการบังคับบัญชาดี อย่าเพิ่งเข้าโจมตีหากรูปขบวนเขาเข้มแข็ง เหล่านี้ คือ หนทางการปรับตัว กฏของทหารที่ต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดมีอยู่ว่า อย่าบุกขึ้นที่สูง อย่าเข้าตีคนจนตรอก อย่าไล่คนแสร้งหนี อย่าได้โจมตีข้าศึกคนที่เข้มแข็งที่สุด อย่ากินเหยื่อที่ข้าศึกอ่อย อย่าขัดขวางกองทัพที่กำลังบ่ายหน้ากลับบ้าน จงให้ทางออกแก่กองทัพที่ถูกปิดล้อม อย่าได้กดดันข้าศึกที่หมดหนทางสู้ เหล่านี้ คือ หนทางการใช้ทักษะทางทหาร