กาฬโรคปอด 2
อาการ : อาการทันใด ไข้สูง หนาวสั่น ปวดหัวรุนแรง อาการไอเกิดขึ้นใน 24 ชั่วโมง เสมหะ ตอนแรกเหนียวใสแล้วกลายเป็นสีสนิมหรือแดงสด มักไม่มีปื้นแผลในปอด ถ้าไม่รักษา ตายภายใน 48 ชั่วโมง
การวินิจฉัยแยกโรค : ปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย Pneumococci หรือตัวอื่น
สาเหตุ : จากเชื้อแบซิลไล Yersinia pestis
การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ : ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย เก็บเสมหะ ย้อมสีกรัมและเพาะเชื้อในอาหารเพาะเลี้ยงธรรมดา ระยะฟักตัว : ประมาณ 2-3 วัน
การแพร่เชื้อ : แพร่ได้ง่ายทาง droplet จากทางเดินหายใจและสิ่งของที่เพิ่งปนเปื้อนเชื้อโรคใหม่ๆ
การเกิดโรค : เป็นอาการแทรกซ้อนของกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองหรืออาจจะเป็นการติดเชื้อครั้งแรก
การรักษา : รักษาด้วยยา streptomycin tetracycline หรือ chloramphinicol
การควบคุม : แยกกักผู้ป่วยอย่างเข้มงวดยิ่ง
ผู้สัมผัสโรค : ค้นหา แยกกักไว้ 7 วัน และให้เคมีป้องกัน (รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วย) รายงานองค์การอนามัยโลก (เป็นโรคต้องรายงานตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับก่อน ปี 2005)
ประวัติไข้กาฬโรค
- ไข้มรณะดำ กาฬโรค หรือ the Black Death หรือ Black Plague เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งเกิดจากเชื้อ Yersinia pestis ส่วนใหญ่ทำให้เกิดโรคในหนูและในสัตว์ฟันแทะชนิดอื่นรวมทั้งในคนด้วย โดยมีหมัดหนูเป็นพาหะที่สำคัญที่นำโรคจากสัตว์ตัวหนึ่งไปยังสัตว์อีกตัวหนึ่ง หรือจากสัตว์ไปสู่คน เหตุการณ์โรคระบาดที่ร้ายแรงในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คือ กาฬโรค เริ่มต้นขึ้นในแถบตะวันตกเฉียงใต้และตอนกลางของเอเชีย และแพร่กระจายเข้าไปที่ยุโรปมียอดผู้เสียชีวิตจากทั่วโลก รวมแล้วประมาณ 75 ล้านคน และในจำนวนประมาณ 20 ล้านคนเกิดขึ่นที่แถบยุโรปเท่านั้น เหตุการณ์เดอะแบล็กเด็ธทำให้ชาวยุโรปเสียชีวิตไปร่วม 2/3 ของประชากรชาวยุโรปทั้งหมด จึงเป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2523 และเป็นโรคที่มีแนวโน้มแพร่ระบาดข้ามประเทศ ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับปี2005
ประวัติการระบาดในประเทศไทย
- นายแพทย์ เอช แคมเบล ไฮเอ็ด เจ้ากรมแพทย์สุขาภิบาล ( Principal Medical Officer of Bangkok City) ได้รายงานการกาฬโรคครั้งแรกในประเทศไทย · เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม2447 เกิดขึ้นที่บริเวณตึกแดงและตึกขาว เป็นโกดังเก็บสินค้า จังหวัดธนบุรีเป็นที่อยู่ของพ่อค้าชาวอินเดียแล้วระบาดเข้ามาฝั่งพระนคร
- จากนั้นกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่มีการติดต่อค้าขายกับกรุงเทพฯ โดยทางบก ทางเรือและทางรถไฟ ไม่มีสถิติจำนวนผู้ป่วยตายที่แน่นอน
- รายงานปรากฏก่อนปี พ.ศ. 2456 ที่จังหวัดนครปฐมมีคนตาย 300 คน
- ครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2495 มีรายงานผู้ป่วย 2 รายตาย1 ราย ที่ตลาดตาคลี จากนั้นไม่มีรายงานกาฬโรคเกิดขึ้นในประเทศไทยจนปัจจุบันนี้
อาการของไข้กาฬโรค ลักษณะอาการเริ่มแรกที่นำมาคือ
- อ่อนเพลีย ปวดศีรษะวิงเวียน กระสับกระส่าย คลื่นไส้ ปวดแขนหรือบริเวณเอว
- ผู้ป่วยทุกรายจะมีไข้สูงภายใน 2 – 3 ชั่วโมง หรือ 1 วัน
- นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีอาการหนาวสั่นพร้อมกับชีพจรเต้นแรงตามไข้ที่ขึ้นสูง กาฬโรคมีลักษณะอาการแบ่งไดใหญ่ 3 ลักษณะ ได้แก่
1 กาฬโรคของต่อมน้ำเหลือง (Bubonic plague) พบมากกว่าร้อยละ75 ของผู้ป่วยที่มีอาการ ระยะฟักตัวประมาณ 2 – 10 วัน
- ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย
- ต่อมน้ำเหลืองอักเสบบวม ตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุด คือ บริเวณขาหนีบ รองลงมาคือ บริเวณรักแร้ ต่อมน้ำเหลืองรอบคอ ต่อมน้ำลาย ตามลำดับ
2 กาฬโรคชนิดโลหิตเป็นพิษ (Septicemic plague)
- เป็นกลุ่มที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นพิษอย่างรุนแรง
- เกิดจากกลุ่มของกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองที่ไม่ได้รับการรักษาและเกิดการติดเชื้อในเลือด
- อาการของโรคกลุ่มนี้คือ ไข้ไม่สูง ต่อมน้ำเหลืองไม่โตแต่มีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดีซ่านตัวเหลือง ตาเหลือง
3 กาฬโรคปอดบวม (Pneumonic plague)
- พบมากในกลุ่มที่เข้าป่าล่าตัว marmot ในแถบประเทศจีน มองโกเรีย
- กาฬโรคในกลุ่มนี้สามารถแพร่กระจายไปสู่คนได้โดยการไอ จามรดกัน หรือโดนหมัดในตัวคน (Pulex irritans) กัด
- อาการของโรคคือ ไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว หอบ เหนื่อยง่าย จากนั้นประมาณ 20 – 24 ชั่วโมงจะมีอาการทางปอดเริ่มขึ้นคือ ไอถี่ขึ้น เสมหะตอนแรกเหนียวใสแล้วกลายเป็นสีสนิมหรือแดงสด มักไม่มีปื้นแผลในปอด
พาหะนำโรค..หนูและหมัดหนู
หมัดหนู ปล่อยแบคทีเรียหลายชนิดทำให้เกิดโรคหัวใจ นำโรคระบาดมาสู่คน ควรระวังอย่างยิ่ง รายงานในวารสาร Journal of Medical Microbiology ฉบับ เดือนธันวาคม ชี้ให้เห็นว่า หนูน้ำตาลหรือหนูท่อ ซึ่งเป็นหนูที่มีขนาดใหญ่และพบมากสุดในยุโรป กำลังนำปัญหาใหญ่มาสู่คน พกเอาแบคทีเรียร้ายกาจติดตัวมาด้วย ตั้งแต่ต้นยุคปี 90 มีการค้นพบแบคทีเรีย Bartonella มากกว่า 20 สายพันธุ์ เป็นเชื้อโรคจากสัตว์สู่คน ทำให้เกิดโรคหัวใจ เกิดการติดเชื้อที่ม้ามและระบบประสาท
ศาสตราจารย์เชา-ชิน ฉาง จากมหาวิทยาลัยนานาชาติ Chung Hsing ไต้หวัน กล่าวว่า แบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่นี้คือ Bartonella rochalimae ตรวจพบในคนไข้ม้ามโตรายหนึ่งที่เพิ่งเดินทางไปอเมริกาใต้ คาดว่าแบคทีเรียชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ แพร่จากสัตว์สู่คน ทีมวิจัยจะทำการสำรวจต่อไปว่าสัตว์ฟันแทะที่อยู่แวดล้อมตัวเรานั้นเป็นพาหะ ของแบคทีเรียชนิดนี้ด้วยหรือไม่
สัตว์ฟันแทะนั้นเป็นพาหะของ Bartonella หลายสายพันธุ์ เช่น B. elizabethae ก่อให้เกิดโรคเยื่อบุโพรงหัวใจอักเสบ และ B. grahamii ก่อให้เกิดโรคเรตินาอักเสบ ส่วนเส้นทางการแพร่เชื้อโรคนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่ามาจากหมัดชื่อ Ctenophthalmus nobilis ที่อาศัยอยู่ในหนูนามีส่วนในการแพร่เชื้อ Bartonella หลายสายพันธุ์ นอกจากนั้นยังพบว่าหมัดชนิดนี้อาศัยอยู่ในเจอบิล (สัตว์ทะเลทรายขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายหนู เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้) หนูบ้านและหนูนอร์เวย์ (เรียกหนูน้ำตาล หนูท่อ)
ศาสตราจารย์ฉางกล่าวว่า ทีมวิจัยได้สำรวจหนู Rattus norvegicus ที่ไต้หวัน ซึ่งเป็นหนูน้ำตาลที่พบมากสุดในยุโรปด้วย เช่นกัน ผลตรวจดีเอนเอทำให้ทราบว่าแบคทีเรียที่พบเป็นสายพันธุ์ใกล้กับ B. rochalimae ที่เพิ่งแยกได้จากผู้ติดเชื้อในอเมริกา ทีมวิจัยลองสุ่มสัตว์ฟันแทะมา 58 ตัว ในจำนวนนี้เป็นหนูสีน้ำตาล 53 ตัว หนูไมซ์ (mice)สายพันธุ์ Mus musculus 2 ตัว หนูสีดำสายพันธุ์ Rattus rattus 3 ตัว พบสัตว์ฟันแทะ 6 ตัวที่มีแบคทีเรีย Bartonella ใน 6 ตัวนี้เป็นหนูสีน้ำตาล 5 ตัว และมีหนูสีน้ำตาล 4 ตัวที่มี B. elizabethae ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคหัวใจในคน ส่วนหนูสีดำตัวหนึ่งพบว่ามี B. tribocorum นอกจากนั้นยังพบแบคทีเรียอีกสายพันธุ์หนึ่งซึ่งใกล้เคียงกับ B. rochalimae ซึ่งยังไม่เคยพบในสัตว์ฟันแทะมาก่อน
เนื่องจากการทดลองนี้ใช้ตัวอย่างสัตว์เพียงไม่กี่ตัว จึงไม่สามารถบอกได้ว่าหนูสีน้ำตาลที่พบทั่วไปแพร่เชื้อ B. rochalimae ด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันว่า แบคทีเรีย Bartonella หลายสายพันธุ์แพร่กระจายโดยสัตว์ฟันแทะ จึงควรคำนึงถึงรังโรคและตัวพาของเชื้อโรคด้วย ซึ่งจะมีการศึกษากันต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง
1. http://thaigcd.ddc.moph.go.th/Icdc_knowladge_plague_pueumonic.html
2. http://microbiologybytes.wordpress.com/2007/06/08/bartonella-rochalimae/
3. http://www.technoinhome.com
4. Jen-Wei Lin et al. Isolation of Bartonella species from rodents in Taiwan including a strain closely related to ‘Bartonella rochalimae’ from Rattus norvegicus. Journal of Medical Microbiology, 2008; 57 (12): 1496 DOI: 10.1099/jmm.0.2008/004671-0
5. Society for General Microbiology (2008, November 24). 21st Century Plague? Rat Fleas Spread Heart-damaging Bacteria.