เหมียวตาเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งในฤดูร้อนปี 2006 เหมียวตากำลังหิวข้าวเพราะหลงทางมา
จากไหน (ก็จำไม่ได้แล้ว) เหมียวตาสอนว่า เราเป็นแมว มีสมาธิสั้นหลงทางจึงไม่ผิด
วันนั้นเที่ยวเพลินไปหน่อย ความจิงคงมีบ้านอยู่แล้วแหล่ะ แต่เหมียวตาจำทางกลับไม่ได้
อาทิตย์ก็ตกดินมืดแล้วด้วย เดินไปเดินมาก็มาพบบ้านหลังนี้แหล่ะ เห็นมีคนทำสวนชายหญิงอยู่สองคน มืดๆ ค่ำๆ ไม่เข้าบ้านมัวทำไรกันอยู่ เหมียวตาก็เลยลองตะโกนถาม มีใครอยู่บ้างไหมครับ
ร้องเมี๊ยวๆ อยู่สักพัก
คนสวนทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วถามว่า ได้ยินเสียงอะไรไหมเสียงเหมือนแมวร้อง

คนสวนเกิดความสงสัยบ้านกลางทุ่งกลางป่าแบบนี้มีแมวมาร้องได้ยังไง
สักพักผู้หญิงก็วิ่งเข้ามาหา เหมียวตาก็ไม่ไว้วางใจ แต่พอเขาเอาอาหารให้กินเท่านั้น
ก็ลืมไปเสียสนิท แถมยอมให้เขาลูบหัวลูบตัวอีก กินอิ่มก็เตรียมจะหาทางกลับต่อ แต่ว่าง่วงละ
เหมียวตาเห็นว่าบ้านหลังนี้น่าอยู่ดี สะอาดสะอ้าน สวยงามพอใช้ บรรยากาศดี โรแมนติกนิดๆ
ก็เลยตัดสินใจเอาเป็นบ้านของตัวเอง ว่าแล้วก็ยืดตัวถูไถไปมารอบๆ บริเวณ
ถูแข้งถูขายึดเอาคนสวนสองคนนั้นมาเป็นเจ้าของของตัว
เหมียวตาเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า แม่ และเรียกคนสวนผู้ชายว่า พ่อ เอ๊ะ ก็พวกเขาไม่มีขนและสี่ขาเหมือนพวกเรานี่นา จะเรียกพวกเค๊าเป็นพ่อกับแม่ได้ไงละฮะเหมียวตา
เหมียวตาตอนมาอยู่บ้านนี้ใหม่ๆ อายุประมาณสี่เดือน
27/9/2011@21:13